แฟรนไชส์กาแฟ เหตุที่ผู้เปิดร้านกาแฟเลือกซื้อแบรนด์ การสร้างแบรนด์

กล่าวถึง แฟรนไชส์กาแฟที่ทยอยออกตัวมาทั่วทุกมุมโลก วันๆหนึ่งมีไม่รู้ต่อกี่แบรนด์ที่เกิดใหม่ขึ้นมาและดับไปก็เหมือนกับการเปิดร้านกาแฟที่วันหนึ่งมีคนเปิดจำนวนมหาศาลในแต่ละวันและก็มีผู้ที่ยังคงอยู่และดับไปเช่นเดียวกัน กล่าวคือเลิกกิจการไปทำอย่างอื่น ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ความมุ่งมั่นเป็นหลักเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะเปิดร้านหรือสร้างแบรนด์ จะทำธุรกิจกาแฟในรูปแบบไหน คำๆเดียวมุ่งมั่น ที่ผมได้เคยเขียนไว้ในบทความ แฟรนไชส์กาแฟสดหลักการเปิดร้านกาแฟสดและการตลาด

แฟรนไชส์กาแฟ THE INDIAN TEA ที่ร้านกาแฟสด ดวงดี Lucky Coffee จังหวัดสระแก้ว

แฟรนไชส์กาแฟ การสร้างแบรนด์กับความมุ่งมั่น

ย้อนเวลาไปในจุดเริ่มต้นที่มีได้มีโอกาสเข้าไปหาเพื่อนคนนึงที่บ้านเขาซึ่งเขาชงชามาให้ทานเป็นชาที่มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัว ผมจึงได้ถามว่านี่คือชาอะไร เขาได้ตอบว่าเป็นชาที่ครอบครัวเขาทำให้ทานมาตั้งแต่สมัยเขาเด็กๆ เราจึงเริ่มพูดกันว่ามันทำขายได้เลยนะทำเป็นธุรกิจใหญ่โตยังได้และก็เริ่มฟุ้งไปถึงเรื่องการตั้ง บริษัท การสร้างแบรนด์ต่างๆนา คิดคอนเซปต่างๆด้วยกันเบื้องต้น ตั้งชื่อบริษัท คิดสโลแกน และทุกอย่างสำหรับตัวผมก็หยุดเพียงแค่นั้น ในขณะที่เพื่อนผมที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นไม่เคยละทิ้งสิ่งที่เราได้สนทนากันในวันนั้น

 แฟรนไชส์กาแฟ THE INDIAN TEA เครื่องดื่มแห่งวัฒนธรรม

ผมหลังจากจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ได้แยกไปทำงานจัดสัมนาให้กับภาคเอกชนเกี่ยวกับเรื่อง การจับเสือมือเปล่า กูเกิ้ลแฮก Google Hack เรื่องราวเกี่ยวกับ SEO การประมูลออนไลน์ การตลาดผ่านอินเตอร์เน็ต กับบริษัท ไทยเวนเจอร์ ของ คุณชีพธรรม คำวิเศษณ์ อยู่ 1 ปี ในขณะที่เวลานั้นเพื่อนผมจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศภาคภาษาอังกฤษ ได้ออกมาทำตามความฝันคือเปิดร้านชาที่สาขาแรกที่หลังการบินไทยถนนวิภาวดี และย้ายมาเปิดที่หลังสวนลุมซอย 5 ในเวลาต่อมา ได้ทดลองขายเองแล้วว่าขายได้จริง ผมได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนคนนี้อยู่เป็นระยะ เอาขนมกลีบลำดวนของบ้านผมไปวางขายที่ร้านของเขา ขนมตัวนี้ก็พอขายได้ ไม่มากมายอะไร เรื่องชาของเพื่อนผม เขาก็เป็นผู้ลงทุนทำเองทั้งหมด

เพื่อนผมคนนี้เปิดขายชาอยู่เป็นเวลานานจนย้ายร้านก็ทำต่อไปเรื่อยๆ นี่คือความมุ่งมั่นที่แท้จริง ในขณะที่ตัวผมเองหันไปทำอย่างอื่นแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ จะมีเล็กน้อยก็แค่คำแนะนำตามประสาเพื่อนกันที่อยากเห็นเพื่อนประสบความสำเร็จ ต่อมาเขาก็ได้ไปออกงานในห้าง เป็นงานของเส้นทางเศรษฐีงานแรกๆที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว  ซึ่งในขณะนั้นตัวผมทำงานบริษัทเอกชน ที่พันธวณิช เป็นเจ้าหน้าที่ประมูลออนไลน์ สำหรับงานออกบูธในครั้งนั้น มีรัฐมนตรีว่ากระทรวงการพาณิชย์คือ คุณพินิจ จารุสมบัติ และมีผู้ให้บริการแฟรนไชส์กาแฟจำนวนมากเข้าร่วมงานนี้ด้วย ในขณะที่รัฐมนตรีเดินชมงาน ผู้จัดงานได้ห้ามไม่ให้ยื่นผลิตภัณฑ์ใดๆ ให้ท่าน ซึ่งในขณะที่ท่านเดินผ่านบูธเรานั้น เพื่อนผมได้ยื่นแก้วชาให้ท่านลองชิม ท่านจึงสนใจเดินเข้ามาชมที่บูธพร้อมกล่าวว่าอร่อยดี นักข่าวกว่าสามสิบคนที่เดินตามมาจึงเริ่มให้ความสนใจ นักข่าวที่ให้ความสนใจจำนวนหนึ่ง เพื่อนผมได้เข้าไปคุยและทำความรู้จักจึงได้มีโอกาสลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ อาทิ ผู้จัดการ บิสิเนสไทย และสื่อนิตยสารอื่นๆ ซึ่งบางสื่อกว่าจะได้ลงก็ต้องตามตื้อพอสมควร บางฉบับก็เข้ามาถ่ายมาสัมภาษณ์มาทำข่าวเลยง่ายๆ การออกบูธจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจกาแฟชองเพื่อนผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การสร้างแบรนด์ในช่วงต้นนี้จึงเป็นเรื่องของการเปิดร้านกาแฟเองและการออกบูธ งานนี้เพื่อนผมปิดร้านกาแฟที่หลังการบินไทยมาออกงาน เส้นทางที่จะมาถึงนะจุดที่เข้ามาออกบูธได้นี่ไม่ง่ายเพราะกว่าจะเก็บเงินเปิดร้าน สะสมเงินมาออกงานแสดงสินค้าได้ ต้องอดทนและใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ค่อยกินไม่ค่อยเที่ยวเพราะค่าใช้จ่ายไม่ใช่ถูกๆ การออกบูธครั้งนี้ขายแฟรนไชส์ไม่ได้เลย ได้แต่เรื่องประชาสัมพันธ์เท่านั้น

แฟรนไชส์กาแฟ สาขาแรกขายได้ที่หลังสวนลุม ซอย 5

ร้านที่หลังการบินไทยขขายได้ดีพอสมควรแต่ก็ยังไม่ดีมาก เริ่มมีลูกค้าประจำติดบ้างแล้ว เป็นร้านที่ขายที่ห้างบัวสุวรรณพลาซ่า ภายหลังจึงลองมองทำเลใหม่ว่าจะมีโอกาสได้มากกว่านี้หรือไม่ จึงย้ายมาเปิดที่ซอยหลังสวนลุมซอย 5 เป็นซอยที่ทะลุไปซอยต้นสน อยู่หลังตลาดหลักทรัพย์ถนนวิทยุ และแฟรนไชส์กาแฟสาขาแรกก็ขายได้ที่นี่ ผู้ซื้อชื่อคุณตั้ม เปิดที่ ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต โดยซื้อแบบ 39,000 เป็นคีย์ออส ซึ่งปัจจุบันสาขานี้ได้ปิดตัวลงไปแล้ว แม้จะมีผู้ที่ซื้อไปแล้วต้องปิดตัวลงก็มีผู้ซื้อไปแล้วสามารถเปิดขายทำกำไรได้อยู่ ส่วนตัวเพื่อนผมเองก็ขายมาเรื่อยๆ จนกระทั่งอยากลองทำงานประจำบ้าง จึงไปสมัครงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นผู้ติดต่อขายคอมเพรสเซอร์ไปตามประเทศในตะวันออกกลาง ประเทสอินเดีย ประเทศปากีสถาน ประเทศที่มีระเบิดฆ่าตัวตาย ผมเห็นเพื่อนทำงานเสี่ยงมาก โดยเขาบอกว่าหลังการยิงหลังระเบิด หลังสงคราม คอมเพรสเซอร์จะขายดีมากๆ ผมฟังแล้วเห็นว่าเขากล้าดี จึงให้พระหนึ่งองค์ไปไว้คุ้มครองซึ่งเขายังคงห้อยอยู่จนถึงทุกวันนี้ จากที่เปลี่ยนไปทำงานเอกชนใช่ว่าเขาหยุดความคิดที่จะขายแฟรนไชส์กาแฟ จริงๆแรกๆยังไม่มีกาแฟเป็นแฟรนไชส์ชาซะมากกว่า ระหว่างนี้ยังมีผู้ที่ติดต่อมาเรื่อยๆและแวะเข้ามาชิมเป็นระยะในช่วงวันหยุดตลอดสองปีที่ขายคอมเพรสเซอร์ โดยติดต่อเข้ามาจากทางสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆที่ลงโฆษณาไว้ ทางเว็บไซต์ของเราและเว็บไซต์ของ ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์

การสร้างแบรนด์แฟรนไชส์กาแฟ ให้ยั่งยืนและอยู่รอด

การสร้างแบรนด์แฟรนไชส์กาแฟนั้นจะให้ยั่งยืนต้องให้ผู้ที่ซื้อแบรนด์เราไปนั้นอยู่รอด ตลอดเวลาเพื่อนผมได้ให้คำแนะนำว่ามีผู้ซื้อมากมายที่ซื้อแบรนด์ไปเปิดไม่ใช่เฉพาะแบรนด์นี้เท่านั้นแบรนด์อื่นๆก็เป็น ที่ต้องปิดตัวลง แม้กระทั่งเจ้าของแบรนด์ก็ตาม ปีหนึ่งๆ มีเจ้าของแบรนด์เปิดมาจำนวนมากและต้องปิดตัวลงไปเหลือเพียงไม่กี่เจ้าในปีต่อมาหรือปีถัดไป เจ้าของแบรนด์ยังปิดตัวลงแล้วแฟรนไชส์ซีล่ะนับไม่ถ้วนที่ต้องปิดตัวลงเช่นกัน จึงยืนยันว่าอยู่ที่ความมุ่งมั่นให้กิจการดำรงค์อยู่ หากตั้งใจจริง ถ้าทำไม่สำเร็จก็ทำต่อ ทำจนกว่าจะสำเร็จและไม่เปลี่ยนธุรกิจ หรือไปทำอย่างอื่นแต่ก็ไม่ทิ้ง พยายามทำให้สำเร็จ นี่คือสูตรสำเร็จใจความสำคัญของทั้งหมด ที่สามารถขยายความไปได้ต่างๆนานา ไปถึงการลงรายละเอียดที่เราเริ่มสั่งสมประสบการณ์ในแต่ละวันไปเรื่อยๆ กำเนิดเป็นสัดส่วนการผสมในเมนูกาแฟต่างๆเป็นรสชาติแต่ละรสชาติที่ปรับแต่งขึ้น ทุกสิ่งมาจากความมุ่งมั่นในการทำให้สำเร็จ

2 ปีต่อมาเพื่อนผมได้ออกจากงานเมื่อมีคนสนใจซื้อแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องออกมาทำเป็นงานหลักอีกครั้ง โดยที่เขามองสาขาที่เปิดขึ้นมาใหม่ๆนั้นเหมือนกับเป็นสาขาของเขาเอง คิดรูปแบบการขายแฟรนไชส์กาแฟ ที่ถูกที่สุดพูดได้ว่าลงทุนไปแล้วไม่เจ็บตัว เริ่มต้นเพียง 6,900 เอาแบรนด์ไปใช้ได้เลย และมีความคิดที่แตกต่างคือไม่จำเป็นต้องเป็นกาแฟสด เป็นกาแฟที่คล้ายกับกาแฟโบราณแต่ชงสำเร็จแล้วเทขายอย่างเดียวก็ได้ กล่าวคือชงทิ้งไว้เลยขายได้ 2-3 วัน โดยแช่ตู้เย็นเก็บไว้จากที่เดิมทีจะเห็นผู้ขายที่ชงทีละแก้ว เนื่องจากเครื่องทำกาแฟมีราคาแพงมาก และใช้เวลานานกว่าจะคุ้มทุน แบบนี้จะคุ้มทุนเร็วกว่าและสามารถ เสนอขายในตลาดได้ที่ราคาแก้วละ 20-25 บาท ขึ้นอยู่กับทำเลขึ้นอยู่กับราคาค่าเช่าที่ หากแพงกว่านั้นจะเริ่มขายยากเนื่องจากไม่ใช่กาแฟสด หากทำสดๆ ก็จะขายที่แก้วละ 35-60 บาท ขึ้นอยู่กับทำเล ซึ่งแบบกาแฟสดนั้น ตั้งราคาค่าลงทุนไว้ที่ 110,000 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งไปแพงที่ตัวเครื่องและอุปกรณ์ เปิดร้านกาแฟสดแบบ 110,000 บาทได้อะไรบ้าง รวมทั้งสูตรที่อบรมในเมนูที่จะได้เพิ่มขึ้นมาไปทำขายโดยอบรมตัวต่อตัว 1 วันเต็ม ที่เปิดขายแบรนด์ในราคาต่ำขนาดนี้เนื่องมาจากต้องการให้ผู้ซื้ออยู่รอด ให้ลงทุนต่ำที่สุด ค่าใช้แบรนด์อื่นๆไม่มีเลยเรียกว่าจ่ายครั้งเดียวจบ ราคาที่ไม่สูงไปจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่แบรนด์นี้ของเราอยู่รอด มีผู้ซื้อจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เรียกได้ว่าผู้ลงทุนแบบ 110,000 ยังไม่มีเจ้าไหนเลยที่ปิดกิจการ แม้เรายังมีน้อยอยู่ก็ตามโดยขณะที่เขียนนี้มี 110,000 อยู่ 3 สาขา คือถนนพระยาสุเรนทร์ ,ริมถนนสุขมวิท 105 ซอยลาซาล 41, ข้างห้างสิริบรรณ จังหวัดตรัง

ในขณะที่สาขา 6,900 - 19,000 นั้นมีผู้ที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากเช่นกัน อาทิ ร้านโปรดนครสวรรค์, ร้านรัก ณ ลำปาง , ร้านกาแฟดวงดี สระแก้ว , ขายคู่กับร้านก๋วยเตี๋ยวที่ชลบุรี , โรงพยาบาลหาดใหญ่,ตลาดนัดสุวรรณภูมิ,สะพานใหม่ เป็นต้น ที่มีการสั่งซื้อวัตถุดิบเรื่อยมา ปฎิเสธไม่ได้ว่าในกลุ่มผู้ที่ขายดี กับ ผู้ที่ขายไม่ดีและปิดตัวไปมีอยู่ ผู้ที่เปิดแล้วขายได้ดี ไม่ใช่แค่ทำเลดีอย่างเดียวแต่เป็นเพราะเขามีความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ที่เขาได้ซื้อไป เขาได้เอาไปประชาสัมพันธ์ต่อและทำอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด รวมทั้งบางแห่งได้หาของอย่างอื่นมาขายด้วย เช่นร้านที่นครสวรรค์นำกาแฟสดดอยช้างมาขายด้วย ในการสร้างแบรนด์ให้อยู่รอดสำหรับแบรนด์นี้เราจึงไม่จำกัดว่าจะเอาอะไรมาขายในร้าน ใช้ชื่อร้านเป็นแบรนด์ของตนเองก็ทำได้ ทำให้ธุรกิจนี้ของเพื่อนผมนั้นดำรงค์อยู่ได้ตลอดมา จนถึงจุดที่รายได้ต่อเดือนของธุรกิจคงที่ มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แฟรนไชส์กาแฟ เส้นทางนี้ไม่สวยงาม มีค่าใช้จ่ายมากมายที่อาจทำให้ขาดทุนและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนถูกแบ่งแยกออกมา ซึ่งในแต่ละการลงทุนก็จะต้องเห็นผล เช่นเสียเงินออกบูธเท่านี้ ต้องได้เท่าไหร่ เสียเงินโฆษณาในสื่อต่างๆต้องได้กลับมาเท่าไหร่ เสียเงินจ้างฝ่ายการตลาด เสียเงินค่าเช่าสถานที่ประกอบการต้องได้เท่าไหร่

ปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

1.ค่าเช่าสถานที่ประกอบการ เดือนละ 30,000 บาท

2.ค่าจ้างพนักงานเดือนละ 20,000-30,000 บาท

3.ค่าโฆษณาในสื่อต่างๆ เดือนละ  20,000 บาท

4.บางเดือนมีค่าออกบูธ เดือนละ 10,000 - 40,000 บาท หรือค่าลงนิตยสาร ค่าโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต 16,000-30,000 ที่เพื่มต่างหากจากเดิมที่มีอยู่แล้ว

5.ค่าโทรศัพท์พนักงานเดือนละ 2,500

6.ต้นทุนค่าวัตถุดิบ เครื่องมือต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อเดือน

7.ค่าซ่อมบูธ เมื่อมีการเสียหายและค่าปรับปรุง ค่าขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆเวลาออกบูธ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ค่าจ้างคนประจำบูธ จิปาถะที่ต้องจ่ายเพิ่มเวลาออกงาน

ค่าใช้จ่ายนี้ทำให้มีต้นทุนต่อเดือนที่สูงพอตัวในระดับ SME อย่างเรา และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาถึง เมื่อ มีสถาณการณ์มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ปี 2554 เป็นช่วงเวลา 2 เดือนที่เรามีค่าใช้จ่ายเท่าเดิมแต่ขายได้แค่ 10 เจ้า ขาดทุนอย่างหนักติดต่อกัน 2 เดือน จนส่งผลมาจนถึงต้นปี 2555

บอกได้ว่าเพื่อนผมไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน เป็นการเก็บเงินมาเปิดและมีต้นทุนดอกเบี้ยจากเงินกู้ธนาคารในแหล่งต่างๆอีก อย่างไรด้วยความมุ่งมั่น ก็ยังสู้ต่อไป บางครั้งเหลือเงินติดตัวไม่กี่บาทก็มี บางทีมีเงินติดตัวมากมายพร้อมใช้จ่ายก็มี ขึ้นๆลงๆ ล้มลุกคลุกคลานตลอด แม้กระทั่งดูหนังเถ้าแก่น้อย เพื่อนผมได้บอกว่าสิ่งที่ตัวละครทำมาเขาก็ทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่รวยเท่าเขาเลยแล้วก็หัวเราะ แต่ผมกับเพื่อนคิดเสมอว่าธุรกิจนี้ไปได้ และผมเองเชื่อมั่นในการบริหารงานของเพื่อนผม และเชื่อมั่นในการตลาดที่เราวางแผนร่วมกันว่าไปได้ จึงมีท้อ แต่ไม่มีถอย

ขณะนี้ผมทำงานกับเพื่อนผมคนนี้มาได้เกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากที่เขาเข้ามาชวนผมไปทำงานร่วมกับเขาในฝ่ายการตลาด การดูแลบทความในเว็บไซต์ การดูแลเรื่องการโฆษณาและงานต่างๆตามแต่จะสั่ง

เหตุที่ผู้ซื้อเลือกซื้อแบรนด์เรา

1.ลงทุนต่ำเริ่มต้นเพียง 6,900 - 130,000 บาท

2.เปิดร้านเป็นแบรนด์ของตนเองได้ เปิดร้านกาแฟสด กับแฟรนไชส์กาแฟสดหรือเปิดเป็นแบรนด์ของตัวเอง

3.ใช้แบรนด์ของเราได้เต็มที่ไม่มีค่าใช้จ่ายรายปี รายเดือน

4.จ่ายครั้งเดียวจบ จ่ายครั้งแรกเหมือนค่าแรกเข้าและได้อุปกรณ์ตามรูปแบบการลงทุน

5.วัตถุดิบไม่บังคับว่าต้องซื้อกับเราตลอด หมดก็มาซื้อกับเรา หรือสะดวกซื้อที่อื่นก็ไม่ว่า แต่ถ้าซื้อกับเราก็เป็นการอุดหนุนกันไป

6.เงินที่ได้จากกำไร เรานำไปสร้างแบรนด์ขายฐานให้เมนูชา กาแฟเรามีชื่อเสียงต่อไป ให้ที่เคยขายดี ได้ขายดียิ่งๆขึ้นไป มีน้อยทำน้อย มีเยอะทำเยอะ

7.มีการเปรียบเทียบกับแฟรนไชส์อื่นๆและเลือกด้วยความชอบส่วนตัวหรือเห็นว่าคุ้มค่าและเป็นอีกสไตล์ที่น่าลงทุน ตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ การเลือกซื้อแฟรนไชส์กาแฟสดและการประกอบธุรกิจกาแฟสดให้ประสบความสำเร็จ

การสร้างแบรนด์ และการตลาด

1. Social network ทั้งหมด ตั้งแต่  facebook,foursquare,wordpress,blogger,scribe,multiply ฯลฯ ( ให้ความสำคัญสูง)

2.สื่อนิตยสาร  (นานๆ ที่ เพราะไม่ค่อยได้ผลสำหรับเรา )

3.สัมภาษณ์ออกรายการวิทยุ (นานๆ ที่ เพราะไม่ค่อยได้ผลสำหรับเรา )

4.Internet marketing ต่าง ๆ  ( ให้ความสำคัญสูง)

5.การออกบูธ ( ให้ความสำคัญสูง )

7. Telemarketing  โทรคุยกับลูกค้า ( ให้ความสำคัญสูงสุด)

8.ลงโฆษณาใน ไทยแฟรนไชส์ ( ให้ความสำคัญสูง )

9.ขยายสาขาแฟรนไชส์ให้มากและให้อยู่รอด ( ให้ความสำคัญสูงสุด)

10.ทำวีดีโอ ดิจิตอล มีเดีย (ให้ความสำคัญสูงแต่กลับไม่ค่อยได้ทำ)

ที่ว่าสื่อนิตยสารและวิทยุไม่ค่อยมีผลกับเรา จริงๆ ไม่อยากเอามาชี้วัดซะทีเดียว เนื่องจากเรายังไม่เคยทำต่อเนื่องยาวๆ แต่ทำทีไรรายได้เท่าเดิม ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและค่าลงโฆษณาในนิตยสารแพงมากเมื่อเทียบกับค่าโฆษณาในเว็บไซต์ที่ถูกกว่ามากและเห็นผลดีกว่า สำหรับเรานะ แต่ไม่ได้บอกว่าคนอื่นทำแล้วจะไม่เห็นผล มีผู้ที่ทำการตลาดกับนิตยสารแล้วเห็นผลเยอะแยะ ไม่งั้นโฆษณาเขาขายไม่ได้หรอกครับ ไม่ใช่ว่าเราไม่ลงโฆษณาในนิตยสารเลย แต่เราลงเป็นพักๆ

รายการทีวีเรียกได้ว่าไม่ค่อยได้ออกเลย เคยออกหรือเปล่า? เคยนานมากแล้ว ครั้งหนึ่ง มาถึงสมัยนี้ สถานีออนไลน์ ต่างๆ มาแรงมาก มีคนสนใจเข้าชมเยอะ ก็ได้ ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ Thaifranchisetv.com มาสัมภาษณ์ถ่ายทำให้ครั้งแรกเมื่อวันที่ไปออกงาน Biz Expo 2011 ที่ผ่านมา หลังจากได้คลิปวีดีโอมาแล้วเราทำอะไร เราไม่ปล่อยให้เสียเปล่า เรานำไปให้ลูกค้าที่สนใจในแฟรนไชส์เราดู เอามาใส่เว็บ ส่งไปให้ลูกค้าใน list รายชื่อกว่า 6,000 รายที่เรามี  โพสแชร์ เอาไปทำโฆษณาต่อให้มีคนดูเยอะๆ