เข้าชมรายละเอียด THE INDIAN TEA

เข้าชมรายละเอียด THE INDIAN TEA
แฟรนไชส์กาแฟสดและกาแฟชงสำเร็จ ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย ราคาเริ่มต้น 6,900 - 399,000 เข้าชมรายละเอียด แฟรนไชส์ THE INDIAN TEA คลิ๊กที่รูปภาพด้านบน ติดต่อคุณมาโนช โทร.084-682-5999 , 092-369-3951 LINE ID : @THEINDIANTEA / หรือเซฟเบอร์ 084-682-5999

ค้นหาทำเลเปิดร้านกาแฟ แสดงผลการค้นหาชัดเจน ตรงประเด็น จากกลุ่มเว็บที่เรานิยมใช้เป็นประจำ

Loading

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

แฟรนไชส์กาแฟ THE INDIAN TEA (ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย) ประวัติและรายละเอียด

1.จุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ แฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย คืออะไร

เชื่อว่าทุกคนมีความฝันและสามารถสานฝันให้เป็นจริงได้ ธุรกิจ แฟรนไชส์กาแฟ นี้ผู้ก่อตั้งคือคุณมาโนช อัทมารามานี ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมัยที่คุณมาโนช ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ซึ่งตอนนั้น ได้มีเพื่อนคือคุณอิสรพัน บุนนาค มาเยี่ยมที่บ้าน โดยคุณมาโนชได้ต้อนรับด้วยการเสริฟ ชาอินเดีย แบบร้อนให้ดื่ม คุณอิสรพันชื่นชอบชาที่คุณมาโนช ชงมาก จึงทักว่า “แบบนี้ทำขายได้เลยนะ อร่อยดี ไม่เหมือนชาที่เคยดื่มมา รสชาติไม่เหมือนชาที่เคยทานมา ชาอะไรเนี่ย”


และหัวข้อชา ก็เป็นเรื่องที่สนทนากันยาว คิดกันไปเรื่อยแบบฟุ้งไปต่างๆนานาๆคิดไปถึงการตั้งชื่อแบรนด์ “THE INDIAN TEA” สโลแกน  “มาและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในตำนานของเรา (COME AND BECOME ONE OF OUR LEGEND)” ซึ่งเป็นแบรนด์และสโลแกนที่ใช้มาอยู่จนถึงทุกวันนี้  คิดเรื่องการเปิดแฟรนไชส์ การขยายสาขา วาดฝันไปใหญ่โต ตอนนั้นคุณมาโนชคิดว่าในประเทศยังไม่มีใครทำ ไม่มีใครโปรโมทชาอินเดีย คิดว่าขายได้เพราะมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นที่มาที่จะเห็น โฆษณาชาอินเดีย “เปิดร้าน ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย ลงทุนเริ่มต้น 6,900 โดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์” ซึ่งเป็นข้อความโฆษณาประชาสัมพันธ์สั้นๆที่ใช้มานานจนคลาสสิกไปแล้ว  ในตอนนั้นมีแค่ ชาอินเดีย ส่วนกาแฟเปอร์เซียนั้นยังไม่มี  ในขณะที่คุณอิสรพันแยกไปทำงานประจำตามชีวิตปกติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับธุรกิจ คุณมาโนชได้ศึกษาข้อมูลและมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจนี้ให้เป็นจริงเสมอมา

Mr.Manoj THE INDIAN TEA
Mr.Manoj THE INDIAN TEA



ธุรกิจจึงเริ่มต้นเมื่อปี 2546 เป็นต้นมา โดย คุณมาโนช อัทมารามานี ค่อยๆสร้างให้ธุรกิจนี้เป็นที่รู้จัก หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย เป็นการหาเงินเองจากการทำงานมาสร้างธุรกิจทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่คนมั่งมีแต่อย่างใด โดยเปิดสาขาแรกที่หลังการบินไทย ห้างบัวสุวรรณพลาซ่า ถนนวิภาวดี ออกไปขายเองและออกบูธประชาสัมพันธ์ในงานธุรกิจแฟรนไชส์ต่างๆ ภายหลังได้ย้ายร้านมาเปิดที่สาขาถนนหลังสวน ร้านในรูปแบบแฟรนไชส์ขายได้สาขาแรกที่ถนนหลังสวนนี้เอง ต่อจากนั้น มีช่วงหนึ่งที่พักจากการขาย
เนื่องจากอยากลองทำงานด้านอื่นบ้าง จึงไปทำงานประจำสองปี เดินทางไปยังประเทศต่างๆที่มีสงครามกลางเมือง มีระเบิดฆ่าตัวตาย มีคาร์บอม เพราะอยากเรียนรู้การทำงานในต่างประเทศและชอบความตื่นเต้นเร้าใจ รวมถึงรักการเดินทาง ระหว่างนั้น ไม่ใช่การพักแบบหยุดไปซะทีเดียวเมื่อกลับมาประเทศไทยในช่วงวันหยุดก็ใช้เวลาว่างในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจให้เป็นที่รู้จักต่อ เนื่องจากแม้ว่าจะทำงานประจำอยู่ คุณมาโนช กลับมาประเทศไทยก็มาต้มชาถึงดึกๆดื่นๆ ทุกคืน บางคืนต้องแพ็ควัตถุดิบส่งให้กับร้านค้าสาขาจำนวนเยอะๆถึงกับไม่ได้นอน ไปมีเวลานอนเอาตีสาม ตื่นขึ้นมาก็ต้องต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาที่บ้านมาชิมและศึกษาธุรกิจ ผู้สนใจยังมีเข้ามาเรื่อยๆ ในช่วงวันหยุดจึงไม่มีเวลาว่างเลย จนกระทั่งตัดสินใจ มาทำธุรกิจนี้เต็มตัวใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีอีกครั้ง หลังจากทำงานประจำไปด้วยทำธุรกิจนี้ไปด้วยเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพราะทำงานแบบนี้ไม่ไหวแล้ว การทำงานประจำไปด้วยขายแฟรนไชส์ไปด้วยเป็นงานที่หักโหมพอตัว และคิดว่าออกมาทำเต็มตัวจะดีกว่า โดยตัดสินใจทิ้งโอกาสที่มีผู้ว่าจ้างอีกบริษัทให้เงินเดือนระดับสูงไม่ต่ำกว่าครึ่งแสนสำหรับเป็นตัวแทนขายส่วนประกอบเครื่องจักรในต่างประเทศ โดยได้กลับมาดำเนินกิจการแฟรนไชส์กาแฟ มา ค้าวัตถุดิบ อุปกรณ์ในการเปิดร้านชา กาแฟ ในสไตล์อินเดียและเปอร์เซีย อย่างเต็มตัว เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


2.ที่ไปที่มาของแฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย และ กาแฟเปอร์เซีย มีความเป็นมาอย่างไร สั่งซื้อมาจากต่างประเทศหรืออย่างไร อธิบาย

ชาอินเดีย (Indian Tea) คือ ชาที่มีมาแต่โบราณของชาวอินเดียซึ่งนิยมทานกันมาหลายร้อยปีแล้ว ในยูทูปมีวิธีการทำหลากหลายวิธี แต่ของเราจะเป็นสูตรและวิธีการทำที่ปรับให้เข้ากับคนไทย ซึ่งรสดั้งเดิม ของอินเดียจะต้องใส่สมุนไพรจนเผ็ดร้อนและนิยมทานกันแบบร้อนเท่านั้น ส่วนเมืองไทยนั้นนิยมทานเย็นและไม่นิยมกลิ่นสมุนไพรที่แรงเกินไป หากจะให้อธิบายรสชาติ ก็คือชานมหวานมันที่มีกลิ่นไอของสมุนไพรเล็กๆ ชาอินเดียในประเทศอินเดีย จะมีเป็น 50 รสชาติ มีสารพัดเมนู ในเมืองไทยนั้นเราปรับจากการทดลองตลาดที่ผ่านมา ให้เหลือเฉพาะเมนูหลักๆที่คนไทยนิยมเท่านั้น ส่วนใบชาที่ใช้เป็นใบชาอัสสัม จากรัฐอัสสัมของอินเดีย สมุนไพรต่างๆนำเข้าจากอินเดีย

THE-INDIAN-TEA-ตลาดนัดสุวรรณภูมิ
แฟรนไชส์กาแฟTHE-INDIAN-TEA-ตลาดนัดสุวรรณภูมิ

กาแฟเปอร์เซีย (Persian Coffee) ที่ใช้นั้นไม่ใช่กาแฟที่มาจากเปอร์เซีย คือกาแฟไทย ประเทศเราผลิตกาแฟได้ไม่แพ้ต่างประเทศและกาแฟประเทศเราถือว่ามีคุณภาพสูง ส่วนเครื่องปรุงที่ใช้เป็นสมุนไพรพื้นฐานที่ชาวเบดูอินในอนาจักรเปอร์เซียโบราณนิยมใช้ใส่ในกาแฟ คือ กระวาน ซึ่งเป็นกระวานสายพันธุ์เฉพาะ ที่เรียกว่ากระวานเทศเขียว แตกต่างจากสายพันธุ์ไทย เพื่ออนุรักษ์รสชาติแบบดั้งเดิม ตัวกระวานนี้จึงใช้เหมือนกับที่ชาวเบดูอิน นิยมทานกัน ไม่ต้องเดินทางย้อนหลังไปไกลถึงอณาจักรเปอร์เซียโบราณก็ได้ทาน

3.เพราะอะไรถึงหันมาทำธุรกิจตัวนี้

ชาอินเดีย เป็นธุรกิจหลักที่สร้างความร่ำรวยให้กับเศรษฐีระดับโลกในอินเดียมาแล้ว จากการทำธุรกิจขายใบชา ในตอนที่ผมคิดทำชาอินเดีย ให้เป็นแฟรนไชส์ ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดที่จะทำ แม้ในอินเดียเองก็มีร้านชาเปิดทุกตรอกซอกซอยเป็นปกติไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นแฟรนไชส์ได้ แต่ผมคิดว่ามันทำได้ จนมาภายหลังได้ยินข่าวว่ามีการทำแฟรนไชส์ชาอินเดียในประเทศอินเดีย หลังจากที่ผมทำมันแล้ว ผมมีความภูมิใจที่เป็นผู้นำ เป็นคนคิดก่อน ตอนนี้มีการทำร้านชาอินเดียสำหรับชนชั้นกลางถึงสูงเป็นแบบ (Chain Store) ในอินเดียด้วยในเวลาต่อมา ที่ดังๆ อยู่สองเจ้าคือ1.Tapri ( tapri.net)  และ  2.Chai Point  (chaipoint.com) โดย Chai Point  ขณะนี้มี 12 สาขาในบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นลักษณะแบบเปิดร้าน ขยายสาขาเอง ซึ่งยังไม่ใช่แฟรนไชส์แต่อนาคตไม่แน่ ด้านแบรนด์ชา กาแฟใหญ่ๆก็เคยมีข่าวว่าทำแฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดียแต่หาข่าวไม่ค่อยพบว่าทำอยู่หรือเปล่าในตอนนี้

THE-INDIAN-TEA-ที่ถนนพระยาสุเรนทร์1
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-ที่ถนนพระยาสุเรนทร์

สาเหตุที่ผมทำธุรกิจจนี้เพราะมีร้านชาอินเดียอยู่ในประเทศอินเดียหลายร้านที่ไม่ได้ทำเป็นแบรนด์ด้วยซ้ำทำตักขายเป็นหม้อใหญ่ๆขายดีมากๆขายดีจนทำให้คนขายบางรายที่ลูกค้าติดแล้วรวยที่สุดในเมืองในอำเภอนั้นๆเลยทีเดียว ผมจึงคิดว่าในประเทศไทยก็ขายได้ ในมื่อมันฮิตในอินเดีย ทำไมมันจะฮิตในไทยไม่ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเราต้องสร้างกระแสให้มันฮิตให้ติดตลาดให้คนนิยม ในประเทศอินเดียคนอินเดียทานชาอินเดียเฉลี่ย 3-5 แก้วต่อวัน ต่อคน และมาวันนี้มันเกินจุดของความเชื่อว่าทำได้ไปแล้วเพราะมันทำได้แล้ว เรามีสาขาแฟรนไชส์กาแฟสไตล์นี้ที่ขายดีกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของประเทศไทย

4.ก่อนหน้านั้นเคยทำอะไรมาก่อน

ก่อนหน้าที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟ ผมเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยครับ ในสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศภาคภาษาอังกฤษ พอจบมาก็มาเริ่มทำเลย โดยทำงานขายประกันไปด้วย ทำธุรกิจนี้ไปด้วย ผมขายประกันให้ลูกค้ารายใหญ่ๆแบบถ้าเขาตกลงซื้อที ก็จะได้เงินก้อนใหญ่เป็นเปอร์เซนต์ค่าคอมมิสชั่น ขายยากมากๆ หลังจากผมเปิดร้านแล้ว มีช่วงหนึ่งที่ผมไปทำงานประจำขายอุปกรณ์ประกอบเครื่องจักรในต่างประเทศโดยไม่ได้ทิ้งธุรกิจนี้ก็ยังทำไปด้วย

5.แฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย มีกี่สูตร มีกี่รสชาติ อะไรบ้าง

ลักษณะสินค้า ชาอินเดีย – กาแฟเปอร์เซีย 5 รส (เย็น/ร้อน)
(1) กาแฟเปอร์เซีย Persian Coffee
(2) ชานม มาซาล่า Masala Milk Tea
(3) ชานม การ์ดาม่อม Cardamom Milk Tea
(4) ชานม น้ำผึ้ง Honey Milk Tea
(5) ชาดำ Black Tea

สูตรกาแฟสด 5 รส (เย็น/ร้อน)
(1) เปอร์เชี่ยน เอสเปรสโซ Persian Espresso
(2) เปอร์เชี่ยน คาปูชิโน Persian Cappuccino
(3) เปอร์เชี่ยน ลาเต้ Persian Latte
(4) เปอร์เชี่ยน มอคคา Persian Mocca
(5) เปอร์เชี่ยน โกโก้ Persian Cocoa



6. กาแฟเปอร์เซีย มีกี่สูตร กี่รสชาติ อะไรบ้าง

- ใช้คำตอบเดียวกันใน หัวข้อที่ผ่านมานะครับ

.

7.ทั้งแฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย และกาแฟเปอเซีย มีส่วนผสมของอะไรบ้าง

แฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย ส่วนผสมหลักตัวที่หนึ่งคือกระวานเทศเขียว มีประโยชน์อย่างไร

การ์โดมอมเขียว ( Green Cardamom) แปลเป็นไทยว่ากระวานเทศเขียว เป็นสายพันธุ์หลักที่เรานำเข้ามาจากอินเดีย มีสรรพคุณดังนี้

กระวานเทศเขียวใช้กันอย่างกว้างขวางในเอเชียใต้ เพื่อรักษาการติดเชื้อในฟันและเหงือก เพื่อป้องกันและรักษาปัญหาในลำคอ อาการแน่นปอด และวัณโรคปอด,การอักเสบของเปลือกตา และความผิดปกติในการย่อยอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ยังจะใช้ในการสลายนิ่วในไตและหินน้ำดีและถูกนำมาใช้เป็นยาแก้พิษมีรายงานว่าใช้ต้านพิษทั้งงูและแมงป่องพิษ

แฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย ส่วนผสมหลักตัวที่สองคือมาซาล่า มีประโยชน์อย่างไร

มาซาล่า (Masala or massala) เป็นส่วนผสมของสมุนไพร  อบเชย กานพลู ใบกระวาน ขิง พริกไทยดำ

อบเชย (Cinnamon) อบเชยมีสรรพคุณทางยา เนื่องจากมีแทนนินสูง(แทนนินมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้) ที่ให้รสฝาดจึงนิยมใช้ในยาตำรับแผนโบราณเช่น เป็นส่วนผสมในยาหอมต่าง ๆ โดยใช้ส่วนของเปลือกลำต้น ใช้ในการแก้จุกเสียด แน่นท้อง หรือใช้ในการทำยานัตถุ์ใช้สูดดม เพื่อเพิ่มความสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย แก้โรคท้องร่วงเพราะมีส่วนช่วยต้านแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยในการย่อยอาหาร และสลายไขมัน ส่วนเปลือกลำต้นอายุมากกว่า 6 ปี หรือใบกิ่งยังนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วย (Essential oil) ซึ่งจะมีมากในอบเชยญวณที่ให้น้ำมันหอมระเหย 2.5%

กานพลู ( Clove) ในตำรายาไทย ใช้ดอกตูมแห้งแก้ปวดฟัน โดยใช้ดอกแช่เหล้าเอาสำลีชุบอุดรูฟัน และใช้ขนาด 5 - 8 ดอก ชงน้ำเดือด ดื่มเฉพาะส่วนน้ำหรือใช้เคี้ยวแก้ท้องเสีย ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ นอกจากนี้ใช้ผสมในยาอมบ้วนปากดับกลิ่นปาก พบว่าในน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากดอกมีสาร eugenol ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ จึงใช้แก้ปวดฟัน และมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้องลดลง ช่วยขับน้ำดี ลดอาการจุกเสียดที่เกิดจากการย่อยไม่สมบูรณ์ และสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดเช่น เชื้อโรคไทฟอยด์ บิดชนิดไม่มีตัว เชื้อหนองเป็นต้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้มีการหลั่งเมือก และลดการเป็นกรดในกระเพาะอาหารด้วย

ใบกระวาน (bay leaf [เบ-ลีฟ]) เรียกอีกอย่างว่า layrel leaf หรือ bay laurel ได้มาจากต้น evergreen bay laurel กำเนิดจากแถบเมดิเตอเรเนียน ในสมัยกรีกโรมัน ใช้แทนสัญลักษณ์แห่งชื่อเสียง,เฉลิมฉลอง,ชัยชนะ เหมาะใช้แต่งกลิ่นให้ ซุป ,สตู,ผัก และเนื้อ เบย์ลีฟสดจะมีความหอมมากกว่าเบย์ลีฟแห้ง หาซื้อได้ตามซูปเปร์มาร์เก็ตและตลาดทั่วไป วิธีเก็บรักษาเบย์ลีฟแห้ง ให้เก็บในที่ภาชนะกันอากาศเข้า เก็บในที่มืดและเย็น จะสามารถเก็บได้มากกว่า 6 เดือน ซึ่งบางแหล่งข้อมูลอ้างอิงว่า ตามจริงแล้วใบตากแห้งซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ทำเครื่องเทศนั้น ไม่ใช่ใบของต้นกระวาน แต่เป็นใบของต้นเทพธาโร ซึ่งมีกลิ่นหอมฉุน และรสเผ็ดร้อน สรรพคุณทางยา ขับลม บำรุงเลือด บำรุงธาตุ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ วิธีใช้ในการ ประกอบอาหาร เวลาฉีกเอาก้านกลางออกแล้วใส่เป็นชิ้นๆ เพียงเล็กน้อย ใช้ดับกลิ่นคาวเนื้อสัตว์ หรือนิยมใช้ลอยน้ำแกง เช่น แกงมัสมั่น (ข้อมูลโดย va.proud )

ขิง (Ginger)  เหง้า : รสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ แก้บิด เจริญอากาศธาตุ สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหย จะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ใช้เหง้าแก่ทุบหรือบดเป็นผง ชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ เหง้าสด ตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาว เติมเกลือเล็กน้อย จิบแก้ไอ ขับเสมหะ

พริกไทยดำ (Piper nigrum) เมล็ด : ผลที่ยังไม่สุกนำมาทำเครื่องเทศ แต่งกลิ่นอาหาร ผลแก่ 15-20 เมล็ด บดเป็นผงชงน้ำกินให้หมด 1 ครั้ง ช่วยขับลม ขับเสมหะขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุแก้อาการอาหารไม่ย่อย1

สูตร ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย

สูตรที่ใช้จะต่างจากชาและกาแฟ ในต้นตำหรับแน่นอนเนื่องจากหากทำแบบอินเดีย 100% และแบบเปอร์เซีย 100% ขายไม่ได้แน่นอนเพราะเขาใส่สมุนไพรจนออกรสออกกลิ่นเผ็ดร้อนทีเดียว ซึ่งคนไทยไม่ชินกับรสชาติแบบนี้ เราจึงมีสูตรเฉพาะที่ใส่แค่เพียงให้พอได้กลิ่นของสมุนไพรเล็กๆ และมีเครื่องปรุงต่างๆแบบสำเร็จให้ เมื่อซื้อแฟรนไชส์ของเรา ส่วนเรื่องสรรพคุณสมุนไพรไม่มีผลมากมายนักเพราะเราใส่นิดเดียวใส่มากไปคนไทยทานไม่ได้ ขายไม่ได้

8.แล้วจุดเด่นของชาอินเดีย และกาแฟเปอเซีย คืออะไร กลิ่นหรือว่ารสชาติ หรือว่าอะไร

จุดเด่น ณ ตอนนี้ เป็นเรื่องของความแปลกใหม่ครับ ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักก็จะมีคนถาม มีประเด็นให้สนทนาว่า ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซียคืออะไร เรียกได้ว่ามีเรื่องราวให้เล่า มีการทำให้อยากลองดื่ม และเมื่อดื่มแล้วก็จะติดใจกลับมาซื้อซ้ำสูงครับ ในเรื่องรสชาติแน่นอนว่าหอมอร่อยในสไตล์เราอยู่แล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือแบรนด์ คนเห็นแบรนด์บ่อยๆก็จะรู้ว่าถ้าซื้อชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย ทานเป็นแก้วต้องแบรนด์นี้

9.จุดขายของกาแฟสด ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย คืออะไร

ในแง่การขายแฟรนไชส์ จุดขายคือเรื่องของความสะดวกซื้อ เราตั้งเป้าจะให้มีร้านชาอินเดียกระจายอยู่ทั่วในทุกที่ ให้ซื้อได้ง่าย และการลงทุนเปิดธุรกิจที่ใช้ต้นทุนต่ำเริ่มแค่ 6,900 ใครๆก็เปิดได้ มีร้านกาแฟอยู่แล้วก็เอาไปขายเสริมได้ รถเข็นขายชา กาแฟ ก็เอาไปเสริมได้ ทำให้ง่ายที่สุด จุดขายของเราจึงอยู่ที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านหรูที่จะขายแบรนด์เราได้ จึงมีตั้งแต่ร้านใหญ่ถึงร้านเล็กๆ แบบเอาโต๊ะตัวนึงมาตั้งเอาป้ายแปะก็ขายได้

ในแง่ของการขายชา กาแฟ แน่นอนไม่เหมือนใคร เรามีรสแปลกๆ อย่าง ชา ก็ กาดาร์มอม,มาซาร่า กาแฟก็ เปอร์เซี่ยนเอรสเพรสโซ่, เปอร์เซียนคาบูชิโน่ หรือ เปอร์เซียน ลาเต้ เป็นต้น การทำให้คนติดในรสและกลิ่นเป็นการสร้างจุดขายในตัวของมันเอง เมื่อคนติดแล้วก็จะกลับมาซื้อซ้ำเพราะชื่นชอบในกลิ่นแบบนี้ ไม่มีกลิ่นนี้แล้วเหมือนขาดอะไรไป เรียกได้ว่านานเข้าก็จะมีกลุ่มลูกค้าประจำที่ชื่นชอบในรสชาติ การสร้างฐานลูกค้า สร้างความนิยม ทำให้คนติดใจคือ จุดขายของเราครับ

10.ขั้นตอนการทำ ต้องผสมกับอะไรยังไงรสชาติถึงได้อร่อยถุกปากลูกค้า

ชาอินเดียใช้ต้มเท่านั้น ต้มกับหม้อ เรามีสูตรการทำเฉพาะที่ใส่สมุนไพรในจำนวนที่พอเหมาะ และเราผสมสมุนไพรสำเร็จมาแล้วในแต่ละรส สูตรเป็นมาตรฐานว่าต้องใส่น้ำเท่าไหร่ ใส่นมเท่าไหร่ ต้มนานเท่าไหร่ เป็นสูตรที่ทำง่ายๆได้ตามคู่มือ ส่วนกาแฟสด ต้องมาอบรมกับเราเพราะเป็นการอบรมการใช้เครื่องทำกาแฟสด ในเมนูกาแฟสดครับ ขั้นตอนการทำให้ถูกปากลูกค้าคือเราจะต้องทำให้สะอาด สดและใหม่ ชา กาแฟ ในสูตรชงสำเร็จทำขายได้ 2 วัน โดยทำไว้เลยและนำไปเทขาย ด้วยกลิ่นสมุนไพรจางๆที่ทำให้ลูกค้าติดใจ ส่วนใครไม่ขอบกลิ่นสมุนไพร เราก็มีรสชานมน้ำผึ้ง ที่ไม่ใส่สมุนไพรอะไรเลย ส่วนกาแฟที่ใส่สมุนไพรกลิ่นมันกลืนๆ ไม่ค่อยๆโดดออกมา ก็ยังไม่มีใครบอกว่าไม่ชอบ เพราะกาแฟเปอร์เซียยังไงก็ต้องใส่สมุนไพร ไม่ใส่มันก็ไม่ใช่กาแฟเปอร์เซีย ถ้าลูกค้าไม่ชอบสมุนไพรก็เอากาแฟปกติในร้านที่ทำไว้ หรือชงกาแฟปกติให้เขาทานครับ

10.กาแฟสด ชาอินเดีย - กาแฟเปอร์เซีย  แตกต่างจากที่ร้านขายทั่วไปอย่างไร

ชาอินเดีย  เราใช้ใบชาอัสสัม ซึ่งเรานำเข้ามาจากอินเดีย เรามีเมนูชาอินเดียทั้งหมด 4 รส ซึ่งทั้ง 4 รส นั้นใช้ใบชาอัสสัมตัวเดียวเป็นหลัก แต่ทำให้ออกมาเป็น 4 รสนั้น เราจะมีเครื่องปรุงสมุนไพรต่างๆใส่ลงไปเพื่อที่จะให้ออกมาเป็นแต่ละรสแตกต่างกัน สมุนไพรที่ใส่เช่น อบเชย กานพลู ใบกระวาน ขิง พริกไทยดำ ลูกกระวาน น้ำผึ้ง ซึ่งเราได้บดสำเร็จสดๆ เพื่อที่จะให้ใส่ในแต่ละรสไว้แล้ว เช่น ผงรสมาซาล่า ผงรสการ์โดม่อม

ถ้าอธิบายรสชาติของชาเป็นคำพูดเราจะอธิบายได้ว่าเป็นชานมหวานมันตามสไตล์ที่คนไทยนิยมดื่มนั่นเองและจะมีกลิ่นหอม กลิ่นอาย ของสมุนไพรต่างๆอยู่ด้วยเล็กๆ ซึ่งสูตรนี้เราได้ทดลองปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมการดื่มของคนไทยที่ไม่นิยมกลิ่นของสมุนไพรที่แรงเกินไป โดยปกติแล้วคนอินเดียจะทานชาที่ใส่สมุนไพรมาก สิ่งเหล่านี้เราใช้เวลาในการทดลองตลาดมายาวนานถึง 9 ปี (ตั้งแต่ปี 2546) เพื่อที่จะให้รสชาติชา กาแฟเป็นอย่างทุกวันนี้ และคำแนะนำที่ได้ก็มาจากคนไทยแทบทุกระดับทำเลและอายุทั้งนั้น ทั้งในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดทุกภูมิภาค นมที่ใช้ตามสูตรของเราก็คือนมตรามะลินั่นเองซึ่งคุ้นเคยและถูกปากคนไทยอยู่แล้วมาช้านาน

กาแฟเปอร์เซีย เราจะใช้กาแฟสองชนิดผสมกัน คือ โรบัสต้าและอาราบิก้า เป็นกาแฟของไทยนี่เอง แต่การที่ทำให้กลายเป็นกาแฟเปอร์เซียนั้นคือการที่เราใส่สมุนไพรตัวนึงเข้าไปซึ่งเรานำเข้ามาจากอินเดีย ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมแตกต่างกันกับกาแฟอื่นๆขึ้นมา เคล็ดลับของกาแฟเปอร์เซียไม่ได้อยู่ที่กาแฟที่ใช้แต่เป็นสมุนไพรที่ว่านี้ต่างหากที่เราใส่ลงไปเพิ่มเติมนั่นเอง และก็ไม่ได้อยู่ที่วิธีการชงว่าจะใช้เครื่องทำกาแฟสดหรือจะเป็นกาแฟโบราณหรือจะชงเป็นเหยือก

“กาแฟเปอร์เซีย” (Persian Coffee) มีที่มาจากวัฒนธรรมของชาวเบดูอิน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักที่อาศัยในดินแดนทะเลทราย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือชาวเปอร์เซียโบราณ ในปัจจุบันคือดินแดนหรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางนั่นเอง การรับรองแขกของชาวเบดูอินที่มาเยี่ยมเยือน ด้วยกาแฟแบบเปอร์เซีย ซึ่งมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน นั้นถือเป็นการให้เกียรติอันสูงสุดต่อแขก และชาวเบดูอินนั้นยังมีธรรมเนียมข้อหนึ่งว่าหากชายหนุ่มเสนอกาแฟให้หญิงสาว แล้วหญิงสาวรับ หมายความว่าหญิงนั้นต้องแต่งงานกับหนุ่มผู้ให้ การแต่งงานจะต้องกำหนดสินสอดเป็นจำนวนแพะหรือแกะตามแต่ระบุ และต้องจัดพิธีฉลอง 3 วัน 3 คืน ในกระโจมหนังขนาดยาวของพวกเขา ทั้งยังสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยสมุนไพรใน “กาแฟเปอร์เซีย” นั้น เช่น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย บำรุงธาตุ บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ แก้แพ้ แก้หวัด และคายความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะกับประเทศไทยเรา ที่มีอากาศร้อนมาก แม้จะไม่เท่ากับอากาศในทะเลทรายก็ตาม ซึ่งสูตรของกาแฟตัวนี้นั้นมีอยู่จริงและท่านก็สามารถค้นคว้าได้เช่นกันในgoogleเกี่ยวกับสมุนไพรตัวนี้ที่เรานำเข้ามาจากอินเดียและใส่เข้าไปเพิ่มเติมในกาแฟ เรื่องราวเหล่านี้คือจุดขายที่ดีเยี่ยมของกาแฟเปอร์เซีย


11. ราคา  แก้วละเท่าไร

ราคาขายนั้นแต่ละที่จะขายราคาไม่เท่ากันจะขึ้นอยู่กับทำเลและค่าเช่าเป็นหลักแต่สิ่งที่ต้องรู้ก่อนก็คือต้นทุนต่อหนึ่งแก้วคือเท่าไหร่ ต้นทุนต่อหนึ่งแก้วของเราจะอยู่ที่ 6-7 บาท ต้นทุนนี้รวมทุกอย่างพร้อมเสริฟให้ลูกค้าแล้ว คือรวม แก้ว ฝา หลอด น้ำชา น้ำแข็ง พร้อมเสริฟ ราคาขายที่นิยมขายกันมากที่สุดคือแก้วละ 20 บาท แต่ละที่ขายราคาไม่เท่ากัน เช่น บางท่านเปิดขายหน้าบ้านตัวเองแบบไม่เสียค่าเช่าเลย นำไปขายแก้วละ 15 บาท ก็มี สำหรับราคาขายแพงสุดที่ขายคือ 50-60 บาทก็มี คือประเภทค่าเช่า 5-6 หมื่นบาทตามในห้างใหญ่ๆ แต่ถ้าประเภททำเล บิ๊กซีหรือโลตัส ค่าเช่าประมาณ 10,000 – 20,000 บาทนั้น จะขายกันแก้วละ 30-35-40 บาท แต่หากเป็นตามตลาดนัดทั้งหลายหรือเช่าหน้าร้าน จะขายกัน 20-25 บาท  ราคาขายเหล่านี้ทางเราจะช่วยแนะนำว่าควรจะขายเท่าไหร่ให้เหมาะสมกับทำเลและค่าเช่าที่ท่านจะเปิดร้าน เราสามารถทำอัดขวดขายให้ลูกค้านำกลับบ้านก็สามารถทำได้

THE-INDIAN-TEA-ที่ริมภนนสุขุมวิท-105-ซอยลาซาล-41
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-ที่ริมภนนสุขุมวิท-105-ซอยลาซาล-41

12.ขายได้วันละกี่แก้ว  รายได้รวมต่อวัน  กำไรต่อเดือน  ประมาณคร่าวๆ

วิธีการคำนวณจุดคุ้มทุนเราจะแนะนำง่ายๆเช่น

ทำเลตลาดนัดค่าเช่าวันละ 50 – 100 บาท เป็นเดือนละ1500-3000บาท
ต้นทุนต่อแก้ว
7
(บาท/แก้ว)
ค่าเช่า
3
(บาท/แก้ว)
รวมต้นทุน
10
(บาท/แก้ว)
ราคาขาย
20
(บาท/แก้ว)
ถ้าขายได้ 20 แก้วต่อวัน 20X20X30=
12000
(บาท/เดือน)
หักต้นทุน 10X20X30=
6000
(บาท/เดือน)
กำไร
6000
(บาท/เดือน)


หมายเหตุ ใช้ยอดขายต่ำที่สุดต่อวันที่ควรจะขายได้คือวันละ 20 แก้ว เป็นกำไรที่ควรจะได้ขั้นต่ำในแต่ละเดือน แต่ในความเป็นจริงยอดขายควรจะเป็น 50-100 แก้วต่อวัน หรือถ้าที่คนเยอะจริงๆ ก็ควรจะอยู่ที่ 150-200 แก้วต่อวัน ตามข้อมูลด้านบนเป็นยอดขายที่แย่ที่สุดแล้ว ซึ่งเราควรจะพิจารณาว่าทำเลที่เราจะไปเปิดร้านขายนั้นจะได้ถึงวันละ 20 แก้วหรือไม่ และเราต้องดูอีกว่าทำเลที่เราไปขายนั้นขายทุกวัน ขายทั้งวันหรือเปล่า หรือขายได้แค่จันทร์ถึงศุกร์หรือเสาร์อาทิตย์หรือขายแค่ช่วงบ่ายหรือขายแค่ช่วงเช้าอย่างเดียว

13.การตอบรับลูกค้าที่ร้านเป็นยังไง และส่วนใหญ่ลูกค้าเป็นคนกลุ่มไหน

สาขาเด่นๆที่ขายดีตอนนี้จะมี ถนนพระยาสุเรนทร์ หน้าวัดใหม่, สุขุมวิท 105 ซอยลาซาล 41 , ห้างสิริบรรณจังหวัดตรัง, ร้านดูดดื่มนครพนม,โรงพยาบาลหาดใหญ่,ตลาดนัดสุวรรณภูมิ เป็นต้น กลุ่มลูกค้าก็มีทุกเพศทุกวัย ผลการตอบรับก็บ้างก็บอกหวานไป แต่น้อยคนจะบอกไม่ชอบ ใครไม่ชอบเราก็มีทางแก้คือมีชาอินเดียที่ไม่ใส่สมุนไพรให้ดื่มเป็นรสชานมน้ำผึ้งตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว ส่วนที่บอกหวานไปจะเอาคนไม่กี่คนมาวัดความนิยมของคนโดยรวมไม่ได้เพราะชา กาแฟ ในไทยต้องหวานมันไว้ก่อน ยิ่งภาคใต้ต้องหวานมันมากขึ้นเป็นเท่าตัว

THE-INDIAN-TEA-ที่ห้างสิริบรรณ-จังหวัดตรัง
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-ที่ห้างสิริบรรณ-จังหวัดตรัง

14.ขายมากี่ปีแล้ว ลงทุนตอนแรกเท่าไร

ทำธุรกิจนี้มาร่วม ๆ 8-9 ปีแล้วตั้งแต่ปี 46 ปัจจุบันผมบริหารจัดส่งวัตถุดิบไปตามสาขาต่างๆทั่วประเทศ ลงทุนตอนแรกก็หลักหมื่นไม่ถึงแสน แต่ก็ในส่วนของเจ้าของแฟรนไชส์ก็ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นแสนต่อเดือน แรกๆก็หลักหมื่น ตอนนี้ก็เหยียบๆ แสนต้นๆครับที่ต้องลงทุนแต่ละเดือน เรายังเป็น SMEs เล็กๆอยู่

15.มีแฟนไชน์  ทั้งหมดกี่สาขา ที่ไหนบ้าง

มี 300 กว่าสาขา ที่เด่นๆ จะมี

1.ถนนพระยาสุเรนทร์ หน้าวัดใหม่

2.สุขุมวิท 105 ซอยลาซาล 41

3.ห้างสิริบรรณจังหวัดตรัง,

4.ร้านดูดดื่มนครพนม

5.โรงพยาบาลหาดใหญ่

6.ตลาดนัดสุวรรณภูมิ

7.ร้าน รัก ณ ลำปาง จังหวัดลำปาง

8.ร้านกาแฟ Luckky จังหวัดสระแก้ว

10.สะพานใหม่

ส่วนสาขาอื่นๆก็จะเป็นสาขาแบบขายตามตลาด ตามหน้าบ้าน ตามร้านก๋วยเตี๋ยวก็ยังมี แต่หากถามว่าหาทานง่ายรึยัง ตอบตรงๆว่ายังครับ เพราะยังขยายได้อีกมาก กว่าจะมีทุกซอย ถ้ายังไม่มีทุกซอย ทุกพื้นที่ก็ยังหาทานยากอยู่ บางท่านซื้อไปแล้วเสร็จทำไป ทำมาเบื่อ ปิดร้านไปทำอย่างอื่นก็มีแต่คนที่มุ่งมั่นทำตลอดไม่ทิ้งจนสะสมฐานลูกค้าจนขายดิบขายดีก็มี

ดูรูปสาขาได้ที่ facebook : www.facebook.com/TheIndianTeaPage

THE-INDIAN-TEA-ร้านดูดดื่ม นครพนม
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-ร้านดูดดื่ม นครพนม

16.แฟรนไชส์กาแฟ ชาอินเดีย กาแฟเปอร์เซีย หากมีผู้สนใจจะลงทุน  ทางร้านมีการลงทุนสำหรับผู้สนใจกี่แบบ

การลงทุน
5 รูปแบบการลงทุน

(1) โปรโมชั่นพิเศษ 6,900 บาท (สูตรกาแฟชงสำเร็จ)
(ป้ายร้าน, ป้ายเมนูตั้งพื้น, ป้ายโลโก้, พร้อมคู่มือวิธีการ 1 เล่ม และวัตถุดิบใบชา-กาแฟ-เครื่องปรุงฯรวมทำได้ 1,000 แก้ว)

(2) 19,000 บาท (สูตรกาแฟชงสำเร็จ)
(ป้ายร้าน, ป้ายเมนูตั้งพื้น, ป้ายโลโก้, พร้อมคู่มือวิธีการ 1 เล่ม, วัตถุดิบใบชา-กาแฟ-เครื่องปรุงฯรวมทำได้ 2,000 แก้ว และเพิ่มอุปกรณ์ในการทำทั้งหมดครบชุด)

(3) 39,000 บาท (สูตรกาแฟชงสำเร็จ)
(ป้ายร้าน, ป้ายเมนูตั้งพื้น, ป้ายโลโก้, พร้อมคู่มือวิธีการ 1 เล่ม, วัตถุดิบใบชา-กาแฟ-เครื่องปรุงฯรวมทำได้ 2,000 แก้ว, อุปกรณ์ในการทำทั้งหมดครบชุด และเพิ่ม KIOSK ร้านขนาด 1.2 เมตร)

(4) 110,000 บาท (สูตรกาแฟสด + สูตรกาแฟชงสำเร็จ)
(ป้ายร้าน, ป้ายเมนูตั้งพื้น, ป้ายโลโก้, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, วัตถุดิบใบชา-กาแฟ-เครื่องปรุงฯรวมทำได้ 2,000 แก้ว, อุปกรณ์ในการทำทั้งหมดครบชุดของชาอินเดีย , และเพิ่มเครื่องทำกาแฟสดพร้อมอุปกรณ์ครบชุด สำหรับทำกาแฟเปอร์เซียสูตรกาแฟสดรวม5รสคือ 1.Persian Espresso 2.Persian Cappuccino 3.Persian Latte 4.Persian Mocca 5.Persian Cocoa)

(5) 130,000 บาท (สูตรกาแฟสด + สูตรกาแฟชงสำเร็จ)
(ป้ายร้าน, ป้ายเมนูตั้งพื้น, ป้ายโลโก้, อบรมวิธีการทำพร้อมคู่มือ, วัตถุดิบใบชา-กาแฟ-เครื่องปรุงฯรวมทำได้ 2,000 แก้ว, อุปกรณ์ในการทำทั้งหมดครบชุดของชาอินเดีย , เครื่องทำกาแฟสดพร้อมอุปกรณ์ครบชุด สำหรับทำกาแฟเปอร์เซียสูตรกาแฟสดรวม5รสคือ 1.Persian Espresso 2.Persian Cappuccino 3.Persian Latte 4.Persian Mocca 5.Persian Cocoa, และเพิ่ม KIOSKร้านขนาด 1.2เมตร)

* ฟรี ! ค่าแฟรนไชส์*
* ไม่เสียค่า Loyalty Fee*
* ไม่หักเปอร์เซ็นต์การขาย*
* เป็นเจ้าของร้านได้เต็มตัว*
* ฟรี! อบรมวิธีการทำ พร้อมทำขายได้ทันที*

* หรือ! สำหรับ ผู้ที่สนใจแฟรนไชส์ แต่ไม่สะดวกเดินทางมาอบรมที่กรุงเทพฯ(ซอย ลาดพร้าว87) ทาง เราจะจัดส่งสินค้าไปให้ทางไปรษณีย์พร้อมคู่มือการทำชาอินเดีย-กาแฟเปอร์ เซียโดยละเอียดครับ ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนจากคู่มือได้ง่าย

THE-INDIAN-TEA-ศาลจังหวัดชลบุรี
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-ศาลจังหวัดชลบุรี

17.กลยุทธ์การตลาด คืออะไร

กลยุทธ์สร้างกระแสฮิต ติดลมบน

กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่เราตั้งชื่อขึ้นเองเพื่อขจัดจุดอ่อนของเราที่เรามองว่าเรายังเป็นที่รู้จักน้อยมากๆในสื่อต่างๆและในหมู่ผู้บริโภค “การใช้กลยุทธ์นี้ แฟรนไชส์กาแฟ THE INDIAN TEA ต้องเน้นทำความรู้จักกับสื่อมากขึ้นแบ่งแยกประเภทช่องทางการกระจายข่าวสารไปยังผู้ประกอบการที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งวัดผลที่ได้รับ ควบคุมต้นทุนการใช้จ่ายด้านงบการตลาดให้คุ้มค่าซึงเป็นการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดทั่วไปที่เราดำเนินการอยู่แล้วและต้องการจะเสริมให้มีมากขึ้นในปี 2555 โดยตั้งชื่อให้ระลึกถึงเป้าหมายที่เราต้องการ

THE-INDIAN-TEA-สะพานใหม่
แฟรนไชส์กาแฟ THE-INDIAN-TEA-สะพานใหม่

การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายและการสร้างแบรนด์ให้ฮิตติดตลาดเป็นสิ่งที่เราดำรงไว้เสมอมา การรวบรวมความคิดเห็นผู้ที่เคยได้ดื่มได้ชิมเป็นเรื่องที่เราใส่ใจมาโดยตลอด เราให้ความสำคัญกับ content management หรือการบริหารจัดการเรื่องราวต่างๆ ซึ่งการจะเป็นแบรนด์ที่มีคนสนใจจำเป็นจะต้องมีเรื่องราวใหม่ๆอับเดทอยู่ตลอดเวลา และเรื่องราวเก่าๆที่จะต้องเก่าแบบคลาสสิกคือมีคนสนใจศึกษาไม่เสื่อมคลาย ด้านการจัดการวัตถุดิบและอุปกรณ์เลือกสรรเฉพาะที่มีคุณภาพ คงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือสำหรับผู้บริโภคและผู้ร่วมลงทุนสร้างแบรนด์ไปพร้อมกับเรา กลยุทธ์เราคือการใส่ใจในทุกรายละเอียดและพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไป เข้าถึงสิ่งที่ผู้ลงทุนต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้พร้อมลงทุนร่วมไปกับเรา กลยุทธ์การตลาดในปี 2555 จะมีการสื่อสารไปยังช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อเข้าถึงตลาดที่ไม่มีวันหลับและกระหายการลงทุนประกอบธุรกิจนี้ รวมทั้งร่วมสร้างสิ่งต่างๆให้เป็นจริงอย่างยั่งยืน

การสร้างกระแสฮิต ติดลมบนจึงเป็นเรื่องของการบริหารช่องทางการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารโดยตรงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ เราจะเรียกกลยุทธการตลาดรวมทั้งหมดว่า “กลยุทธ์สร้างกระแสฮิต ติดลมบน” โดยมีเป้าหมายหลักสร้างการเติบโตในยอดขายให้เพิ่มขึ้น 50% ในปี 2555 หลังจากเติบโตเพิ่มขึ้น 48% ในปี 2554 ซึ่งเรามองว่ามีความเป็นไปได้และไม่ไกลเกินเอื้อม



ติดต่อ คุณมาโนชอัทมารามาณี โทร. 0-86777-4973

Website: www.theindiantea.com

Facebook: www.facebook.com/TheIndianTeaPage

Blog: www.perfectdestiny.co

-----------------------------------------


Cafe Britt - Premium Gourmet Coffee