การบริโภคกาแฟ ประโยชน์ของกาแฟ คนเรารู้จัก “ กาแฟ ” มาเป็นระยะเวลากว่าพันปีแล้ว จวบจนปัจจุบัน กาแฟนับเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก นอกจากรสละมุนลึกล้ำแล้ว หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม “ คาเฟอีน” ในกาแฟมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจในหลายด้านด้วยกัน
กาแฟ มีคาเฟอีน กระตุ้นให้สมองตื่นตัว |
คาเฟอีนกระตุ้นให้สมองตื่นตัว ซึ่งจะเร่งความเร็วของการประมวลผลข้อมูลในสมองและย่นระยะเวลาในการตอบสนอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานที่ต้องการสมาธิ การใช้เหตุผลและความจำ คาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะช่วยลดความหงุดหงิด อารมณ์ซึมเศร้า และความเครียดได้ ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข
กาแฟ ช่วยในการย่อยอาหาร |
ด้านโภชนาการ การดื่มกาแฟช่วยให้ร่างกายได้รับของเหลวเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน อีกทั้งเนื้อกาแฟยังมีแร่ธาตุไนแทซเซียมและไนอาซีน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ ยังมีรายงานวิจัยว่า คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการใช้พลังงานของร่างกาย ทำให้ไขมันสลายตัวเพิ่มขึ้น จึงอาจดื่มกาแฟเป็นเครื่องดื่มในการลดน้ำหนัก และเนื่องจากคาเฟอีนและสารอื่นที่มีอยู่ในกาแฟช่วยกระตุ้นการหลั่งกรดและน้ำย่อย กาแฟจึงช่วยในการย่อยอาหาร เป็นเหตุให้คนจำนวนมากดื่มกาแฟหลังอาหารแต่ละมื้อ
ผู้ชายที่ไม่ดื่มกาแฟ มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคพาคินสันมากกว่า |
จากการวิจัยทางการแพทย์สหรัฐอเมริกา โดย ดร. จี เวปเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท และคณะจากศูนย์การแพทย์นครฮอนโนลูลู พบว่า ผู้ชายที่ไม่ดื่มกาแฟ มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคพาคินสันมากกว่าพวกที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 5 ถ้วย ถึง 5 เท่า ผลกระทบของคาเฟอีนต่อเส้นเลือดมีประโยชน์ต่อวงการแพทย์ เพราะคาเฟอีนไปช่วยขยายหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้เส้นเลือดแดงบริเวณศีรษะหดตัว ซึ่งช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรนได้ จากการศึกษาของนายแพทย์วินเซนต์ ทูบิโอโล แห่งศูนย์การแพทย์ยูซีแอลเอ – ฮาร์เบอร์ ได้ตั้งทฤษฎีใหม่ว่า การรับคาเฟอีนจำนวน 400 มิลลิกรัมต่อวัน อาจช่วยลดอาการแพ้เกสรดอกไม้ได้
กาแฟไม่มีส่วนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคของหัวใจมากขึ้น |
จากรายงานการวิจัยในกลุ่มสตรีที่ดื่มกาแฟไม่เกิน 5 ถ้วยต่อวัน พบว่า กาแฟไม่มีส่วนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคของหัวใจมากขึ้น แม้ในรายที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวัน ๆ ละหกถ้วยขึ้นไป ก็ไม่มีอัตราโรคหัวใจสูงกว่าปกติ และจากการสำรวจหลายครั้ง รวมทั้งการวิจัยโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ผู้ดื่มกาแฟมีอัตราการเป็นมะเร็งเต้านมต่ำกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ ส่วนการศึกษาของมหาวิทยาลัยบอสตัน พบว่า คนไข้ที่ดื่มกาแฟอย่างน้อยห้าถ้วยต่อวัน มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ต่ำกว่ากลุ่มผู้อื่นถึงร้อยละ 40
ดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ แก้ปัญหา หย่อนสมรรถภาพทางเพศ |
กาแฟยังกลายเป็นข่าวดีสำหรับผู้ชายทั่วโลก เมื่อ ดร. ดาร์ซี โรแบร์โตลิมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยา ของมหาวิทยาลัยริโอ เดอ จาเนโร ในบราซิล เปิดเผยว่า ผู้ที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศอันเนื่องมาจากการดื่มสุรา การเสพยา ภาวะซึมเศร้า และอายุขัย สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน
โดยในที่นี้ พอจะสรุปคุณประโยชน์ของกาแฟได้ดังนี้ คือ
กาแฟ ป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี |
มีผู้วิจัยพิสูจน์แล้วว่า กาแฟมีประโยชน์ในการป้องกันโรคดังกล่าว
กาแฟ ป้องกันโรคหอบ |
2. ป้องกันโรคหอบ
โรคหอบ คือ อาการภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปเมื่อประสาทสำรองไม่ถูกกระตุ้นจะไม่มีอาการหอบเกิดขึ้นง่าย ๆ แต่ถ้าหากประสาทสัมผัสสำรองถูกกระตุ้น จะเกิดอาการหอบทันที และคาเฟอีนในกาแฟจะระงับการตึงเครียดของประสาทสัมผัสสำรอง ทำให้ลดการเกิดโรคหอบได้
กาแฟช่วยลดผลร้ายที่จะมีต่อตับ |
3. ลดการเกิดโรคตับจากสุรา
ตามที่นักวิชาการสำรวจแล้ว พบว่า กาแฟช่วยลดผลร้ายที่จะมีต่อตับ แต่ยังต้องวิจัยต่อไปว่า สารใดที่มีประโยชน์ดังกล่าว และมีผลต่อสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดโรคตับแข็งหรือไม่ นอกจากแอลกอฮอล์
กาแฟ มีคาเฟอีน ซึ่งมี กรดอะซิติก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับ ลำไส้ ช่องปาก |
4. ป้องกันมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งในช่องปาก
จากผลการทดลองจริง พบว่า กาแฟมีประสิทธิภาพป้องกันโรคดังกล่าวในขั้นต้น โดยเฉพาะในคาเฟอีนมีกรดอะซิติกที่ช่วยป้องกันโรคเหล่านี้
กาแฟที่เข้มข้นจะทำให้ออกไซด์แตกตัว ส่งผลให้ลดการเกิดมะเร็งได้ |
5. ขับไล่ความชรา
ออกซิเจนเป็นสารที่ร่างกายต้องการมากก็จริง แต่ถ้ามีออกซิเจนมากไป ก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งสูง และแก่เร็ว โดยเฉพาะกาแฟที่เข้มข้นจะทำให้ออกไซด์แตกตัว ส่งผลให้ลดการเกิดมะเร็งได้ และกระตุ้นการเผาผลาญอาหารในร่างกาย
กาแฟ ลดอัตราคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ |
6. กาแฟลดอัตราคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ
ในกาแฟมีนิโคติน แต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกับในบุหรี่ แต่เป็นวิตามิน B รวมชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายต้องการ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด จึงป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว
กาแฟลดความอ้วนละลายไขมัน |
7. ละลายไขมัน
กาแฟที่ทานหลังอิ่มอาหาร ช่วยให้ไขมันแตกตัว และให้พลังงานทดแทน จึงลดความอ้วนได้
ดื่มกาแฟ มีไขมันชนิด HDL เพิ่มขึ้น |
8. กาแฟเพิ่มไขมันชนิดดีให้ร่างกาย ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
ตามผลการวิจัย พบว่า คนที่ดื่มกาแฟบ่อย ๆ จะมีไขมันชนิด HDL เพิ่มขึ้น ซึ่งไขมันชนิดนี้จะขับไล่คอเลสเตอรอลออกไป ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
กาแฟ บรรเทาอาการปวดศีรษะจากการเมา |
9. แก้ปวดศีรษะ
กาแฟมีส่วนผสมของคาเฟอีนที่ขยายหลอดเลือด ระงับอาการปวดได้ เช่นเดียวกับยาแก้ปวด และยังช่วยขับปัสสาวะ ละลายไขมันในเส้นเลือด และช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากเมาสุราได้
กาแฟ ช่วยให้มีสมาธิ |
10. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมองและสมรรถภาพสมอง
มีผู้เชี่ยวชาญสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาว่า ความหอมของกาแฟช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น และมีสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น นั่นเป็นเพราะกลิ่นกาแฟทำให้เลือดไหลเวียนในสมองเพิ่มขึ้น
ดื่มกาแฟ ไขมันถูกเผาผลาญ |
11. ดื่มกาแฟเล็กน้อยทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารหลั่งดีขึ้น ไขมันแตกตัว
หากได้ดื่มกาแฟเล็กน้อยหลังทานอาหารเสร็จ คาเฟอีนในกาแฟจะมีประโยชน์ต่อกระเพาะอาหารโดยตรง น้ำย่อยที่กระเพาะอาหารและตับอ่อนจะเพิ่มขึ้น ไขมันถูกเผาผลาญ
การคั่วเมล็ดกาแฟ
การคั่วเมล็ดกาแฟ อ่อน กลาง เข้ม |
1. การคั่วอ่อน ( Light Roast )
หรือเรียกอีกอย่างว่า Cinnamon Roast หรือ Light Chololatetan เป็นการคั่วแบบอ่อนที่สุด โดยเมล็ดกาแฟดิบจากสีขาวหรือเขียวอมเทา จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปานกลาง และไม่มีน้ำมันเกาะติดเมล็ดกาแฟ การคั่วแบบนี้จะให้ความเป็นกรดสูง และมีความเข้มน้อย การคั่วแบบนี้ ได้แก่ Blue Mountain , Mocca Coffee
2. การคั่วกลาง ( Medium Roast หรือ City and Full City Roast )
เป็นการคั่วเมล็ดกาแฟดิบจากสีขาวหรือเขียวอมเทา เป็นสีน้ำตาลที่เข้มขึ้นกว่าสีอบเชย โดยจะเห็นเมล็ดกาแฟมีลักษณะเป็นผิวมันเหมือนผ้าแพร แต่ยังไม่มีน้ำมันเกาะติด การคั่วแบบนี้ ได้แก่ American Coffee , Irich Coffee , Java Coffee , Bracilian Coffee
3. การคั่วแบบเข้ม ( Dark Roast )
เป็นการคั่วแบบที่เข้มขึ้น โดยสีของเมล็ดกาแฟดิบจากสีขาวหรือเขียวอมเทา จะเปลี่ยน เป็นสีน้ำตาลแก่จนถึงน้ำตาลดำ เมล็ดกาแฟจะมีน้ำมันเกาะติดตั้งแต่ค่อนเมล็ดกาแฟจนถึงทั่วเมล็ดกาแฟ ซึ่งมีการคั่วจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เช่น Vienna Roast , Italian Roast ( Espresso ) , French Roast อุณหภูมิที่ใช้ 250 – 300 องศาเซลเซียส
ประวัติของกาแฟแต่ละประเภท
เคยไหมที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟแล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดี ครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาแฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี ดังนั้น เราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเอง ถูกไหม แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคง ไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาติอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้น เรามาดูกันว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่าง ๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาติ และส่วนผสมอะไรบ้าง มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือคาปูชิโน : Cappuccino |
คาปูชิโน : Cappuccino
มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมีเอสเพรสโซและนมเป็นส่วนผสมหลัก คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักดื่มกาแฟคาปูชิโนโดยเฉพาะในตอนเช้ากัน ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่น หรือคุกกี้ประกอบด้วย ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจจะลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบา ๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ ทำให้ชาวอิตาลีไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน
ลาเต้ Latte |
ลาเต้ : Latte
ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม ดังนั้น รสชาติของลาเต้จึงมีความหวานและมันจากนม กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 นอกจากนี้ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส “café au lait” ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วย
มอคค่า Mocca |
มอคค่า : Mocca
กาแฟมอคค่าเป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณเท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน กาแฟมอคค่าจะมีสีและกลิ่นคล้ายช็อคโกแลต ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่า นอกจากนี้ มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่างเอสเพรสโซและโกโก้อีกด้วย
อเมริกาโน Cafe Americano |
อเมริกาโน : Café Americano
สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่าย ๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเอง ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกัน ดังนั้น จึงได้มีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพื่อให้มีรสชาติที่เบาบางลง แต่ถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกันนิยมดื่มกัน
เอสเพรสโซ Espresso |
เอสเพรสโซ : Espresso
เอสเพรสโซ เป็นกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ โดยที่มาของเอสเพรสโซนี้มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในประเทศแถบยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลี และฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ “caffe” ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซกัน โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซนั้นจะไม่เติมน้ำตาลหรือนมแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้ลิ้มรสความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซแท้ ๆ
Tips เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียรสชาติของเอสเพรสโซที่แท้จริง ก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ ๆ
สูตรการชงกาแฟสด
การชงกาแฟสดให้รสชาติดี มีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ1. เมล็ดกาแฟสดต้องเลือกที่คั่วใหม่ที่ดีที่สุด คือ วันที่ 2 หลังจากคั่วเสร็จ และไม่เกิน 21 วันนับจากวันที่คั่ว
2. เครื่องชงกาแฟสดได้มาตรฐาน แรงดันไม่น้อยกว่า 15 บาร์ ช็อตชงกาแฟมีขนาดใหญ่ ระดับมาตรฐาน
3. น้ำที่ใช้ชงกาแฟสดต้องเป็นน้ำสะอาด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และไม่ใช่น้ำกระด้าง
4. ต้องบดกาแฟใหม่ทุกครั้งที่ชงกาแฟ ไม่ควรใช้ผงกาแฟที่บดไว้แล้วนานเกิน 3 ชั่วโมง
กาแฟเอสเพรสโซ ( ขนาดแก้ว : 2 ออนซ์ )
ใช้ผงกาแฟ 1 ช็อต ( 8 กรัม ) ชงน้ำกาแฟให้ได้ระดับ 2 / 3 ของแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกเติมน้ำตาลหรือครีมเอง โดยปกติคนดื่มกาแฟชนิดนี้จะไม่เติมอะไรเลย แต่ก็ควรมีน้ำตาลซองและครีมซองเผื่อไว้ให้
กาแฟลาเต้ ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ใช้ผงกาแฟ 1 ช็อต ( 8 กรัม ) ชงน้ำกาแฟให้ได้ระดับ 1 / 3 ของแก้ว อุ่นนมร้อน แล้วจึงเทนมร้อนลงแก้ว ให้ได้ระดับเกือบ ๆ เต็มแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเติมน้ำตาลหรือครีมเอง
กาแฟม็อคค่า ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ใช้ผงกาแฟ 1 ช็อต ( 8 กรัม ) ชงน้ำกาแฟให้ได้ระดับ 1 / 3 ของแก้ว แล้วเติมผงโกโก้ 1 ช้อนชา อุ่นนมร้อน แล้วจึงเทนมร้อนลงแก้ว ให้ได้ระดับเกือบ ๆ เต็มแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเติมน้ำตาลหรือครีมเอง
กาแฟร้อนคาปูชิโน ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ก่อนชงต้องทำฟองนมให้ฟูได้ที่ก่อน แล้วจึงชงกาแฟ ใช้ผงกาแฟ 1 ช็อต ( 8 กรัม ) ชงน้ำกาแฟให้ได้ระดับ 1 / 3 ของแก้ว แล้วจึงเทนมร้อนลงแก้ว ให้ได้ระดับ 2 / 3 ของแก้ว แล้วจึงใช้ช้อนตักฟองนมที่เหลือเติมให้เต็มแก้ว ให้พูนเล็กน้อย เสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกเติมน้ำตาลเอง เมนูนี้ควรเตรียมผงอบเชยป่น ( ซินนาม่อน ) หรือผงโกโก้ให้ลูกค้า เผื่อต้องการโรยหน้าเพื่อเพิ่มความหอมด้วย
โกโก้ร้อน ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ตักผงโกโก้ 1 ช้อนชา เติมน้ำร้อนให้ได้ระดับ 1 / 4 ของแก้ว เติมนมร้อนให้ได้ระดับ 3 / 4 ของแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกเติมน้ำตาลหรือครีมเอง
ชาร้อน ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ชา 1 ซอง กดน้ำใส่ให้ได้ระดับ 3 / 4 ของแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกเติมน้ำตาลหรือครีมเอง
กาแฟร้อนอเมริกาโน ( ขนาดแก้ว : 4 ออนซ์ )
ใช้ผงกาแฟ 1 ซ็อต ( 8 กรัม ) ชงน้ำกาแฟให้ได้ระดับเกือบเต็มแก้ว เสิร์ฟให้ลูกค้าเลือกเติมน้ำตาลหรือครีมเอง
ที่มา: web.chiangrai.net/~crmoac/LinkData/6_4_3.doc
-----------------------------